วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โดนแมวกัดต้องฉีดยาหรือเปล่าคะ


A:โดนแมวกัดต้องฉีดยาหรือเปล่าคะ

B:เคยโดนเช่นกันค่า
แมว หรือ หมา ถ้าเราไม่ทราบว่ามันเคยฉีดยามาหรือ เปล่า แน่นอนต้องไปฉีดกันบาดทะยัก 1 เข็ม + ฉีดยากันพิษสุนัขบ้าค่า ฉีด 4 เข็ม เว้นระยะตามที่แพทย์กำหนดค่า มันจะมีระยะห่างไปเรือยๆ จนเข็มสุดท้าย และก็กินยาฆ่าเชื้อ แล้วก็ล้างแผลทุกวันจ้า



แมวเปอร์เซีย




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


           แมวเปอร์เซีย ถือเป็นราชินีแมวจากแดนตะวันออกกลางที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะเป็นแมวขนยาว หน้าตาน่าเอ็นดู หัวกลมสวย ตากลมโต มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ รวมถึงหน้าตาก็มีหลายแบบ มีอุปนิสัยอ่อนโยน เข้ากับคนง่าย ร่าเริงซุกซน ชอบประจบประแจง และมีไหวพริบ ซึ่งแมวพันธุ์นี้นับเป็นแมวต่างประเทศที่ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเป็นพันธุ์แรกด้วย

           แมวเปอร์เซียมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกี และอิหร่านในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1684 ได้มีการบันทึกลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับที่มาของ แมวเปอร์เซีย หรือแมวเปอร์เซียน (Persian Cats) ว่า พ่อค้าทะเลทราย (หรือที่เรียกว่ากองคาราวาน) ทางแถบๆ ตะวันตกของตุรกีและอิหร่าน มักบรรทุกสินค้ามากมาย อาทิเครื่องเทศน์ อัญมณี และสินค้ามีค่าอื่นๆ ซึ่งบางครั้งก็มีแมวขนยาวติดมาด้วย แมวขนยาวนั้นถูกซื้อโดยกะลาสีและได้นำแมวติดไปกับเรือสินค้าเดินทางเข้าทวีป ยุโรป ซึ่งหลายปีต่อมาแมวพันธุ์นั้นถูกรู้จักในชื่อ เตอร์กิส แองโกร่า (Turkish Angora)

           ต่อมาในปลายศตวรรษที่ 19 ชาวอังกฤษเริ่มผสมพันธุ์แมวเตอร์กิส แองโกร่า กับแมวสายพันธุ์อื่น และพัฒนาจนได้แมวที่มีขนหนาและยาวกว่าเดิม กระทั่งในที่สุดแมวพันธุ์นี้ก็ได้รับการยอมรับและจดทะเบียนขึ้นที่ประเทศอังกฤษในชื่อว่า Longhair ซึ่งชื่อของมันก็ถูกตั้งขึ้นตามประเทศต้นกำเนิดนั่นเอง 

           นอกจากประเทศอังกฤษแล้ว แมวเปอร์เซียยังถูกนำไปเลี้ยงในประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกามานานหลายร้อยปี ซึ่งอเมริกาจะเรียกแมวพันธุ์นี้ว่า Persian

 ลักษณะสายพันธุ์

           แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา

           สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม ทั้งนี้ แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น 

           อย่างไรก็ตาม แมวเปอร์เซียถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด โดยแบ่งตามสี และลักษณะเป็นหลัก ดังนี้

            1.Solid colour  ขนจะเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์, blue ขนสีเทาเข้ม, black สีขนดำสนิท, red ขนสีแดงเข้มและสดใส, cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อกโกแลต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์

            2.Sliver&Golden ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น

            3.Shade&Smoke จะมีสีขน 3 แบบ คือแบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade

            4.Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel

            5.Parti-colour จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม

            6.Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน

            7.Himalayan เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาสกับแมวเปอร์เซีย จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส คือหูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส

 อาหารและการเลี้ยงดู

           อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า แมวเปอร์เซียเป็นแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ ค่าเลี้ยงดูและค่าตัวอาจแพงสักหน่อย ทั้งนี้ ราคาของแมวเปอร์เซีย มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน ขึ้นกับเกรดของสายพันธุ์ สามารถแบ่งได้เป็น

           เกรดเพ็ด(PET Quality) ส่วนมากเป็นแมวที่เลี้ยงตามบ้านทั่วไป ราคาประมาณ 5,000-15,000 บาท จมูกยาว หน้าไม่บี้ หรือเรียกว่าหน้าตุ๊กตา

           เกรดทำพันธุ์และโชว์(Breed and Show Quality) ส่วนมากเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เลี้ยงไว้เพื่อประกวด หรือโชว์ มีลักษณะของแมวเปอร์เซียที่ดีครบ โดยหน้าจะบี้ คือ จมูกและตาเกือบเสมอกัน

           นอกจากนี้ ระดับของราคายังแบ่งเป็นสายพันธุ์ในประเทศอยู่ที่ 25,000-35,000 บาท สายพันธุ์นำเข้า 35,000-100,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับสุขภาพของแมว และลักษณะเด่นตามสายพันธุ์ 

           เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาดถึงการแปลงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน เพราะการที่ขนพันกันเป็นกระจุกนั้นจะเป็นแหล่งเพาะเชื่อโรครวมทั้งพยาธิต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย

           ในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนจะไปรวมตัวกันในช่องท้องจะทำให้แมวเปอร์เซียสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้

 โรคและวิธีการป้องกัน

           โรคที่พบบ่อยในแมวเปอร์เซียนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นและถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคหายใจขัด หอบ หรือ ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นต้น นอกจากนี้ แมวเปอร์เซียที่มีสีขาวรวมถึงแมวเปอร์เซียที่มีตาสีฟ้าหรือตาข้างละสีมักมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ หูหนวก อีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม โรคท่อน้ำตาอุดตัน และปัญหาคราบน้ำตา เป็นปัญหาที่พบบ่อยและถูกถามถึงมากที่สุด อาการที่พบ คือ มีน้ำตา ไหลในตาข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ไม่มีอาการหรี่ตา น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาใสๆ ร่วมกับมีคราบติดบริเวณร่องจมูก ซึ่งโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในท่อน้ำตา เนื่องจากท่อน้ำตาและโพรงจมูกของแมวเปอร์เซียคดไปคดมา 

           เมื่อเจ้าเหมียวของคุณประสบปัญหานี้เข้า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ผู้เลี้ยงอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเคอยเช็ดคราบน้ำตาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยไว้จนแห้ง อาจเช็ดไม่ออก หมดสวยหมดหล่อไม่รู้ด้วยนะคะ 

           แต่ถ้าหากมีคราบน้ำตามเยอะและข้นกว่าปกติ อาจต้องใช้ยาป้ายตาร่วมกับการเช็ดคราบน้ำตา หรืออาจพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อล้างท่อน้ำตา และทำการรักษาต่อไป

เรื่องน่ารู้ พฤติกรรมแมวไทย






เรื่องน่ารู้ พฤติกรรมแมวไทย (Cat Magazine)
เรื่อง : อิสริย รัตนะวีระวงศ์

           การที่คนเราใกล้ชิดคุ้นเคยกับแมวไทย จะทำให้สามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมต่าง ๆ และเข้าใจความหมายเหล่านั้นที่แมวไทยแสดงออกมาได้ทำให้เกิดความรัก ความเอ็นดูโดยที่เราไม่รู้ตัว ผู้ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับแมวไทยจะไม่เข้าใจสิ่งนี้ ดังนั้น ผู้ที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงแมวไทยควรจะทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมและธรรมชาติของแมวไทยที่ตนเองเลี้ยงไว้ ซึ่งแมวไทยมักมีพฤติกรรมต่าง ๆ ดังนี้


 1. การส่งสัญญาณโดยใช้กลิ่น


           การส่งสัญญาณโดยการใช้กลิ่นของแมวนั้นเกิดขึ้นมาจากการสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม แมวจะมีต่อมกลิ่นอยู่ใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม คาง เท้า และโคนหาง ซึ่งจะผลิตฮอร์โมนออกมา กลิ่นเหล่านี้จะทำหน้าที่ช่วยให้แมวจำกันได้ ซึ่งมีผลกับแมวดังนี้คือ

           - การทักทายของแมว เมื่อแมว 2 ตัวมาเจอกัน เขาจะทำการทักทายกันด้วยการสัมผัส โดยใช้ หัว คาง แก้ม และสีข้างทำการถูตัวไปมาแมวตัวที่อายุน้อยกว่าโดยส่วนมากจะเป็นฝ่ายที่ใช้หลังของเขาถูคางของแมวที่มีอายุมากกว่า กรณีที่เราเลี้ยงแมวในกรง เราอาจจะเห็นเหตุการณ์นี้บ่อยๆ เมื่อเราเดินผ่านกรงแมว คือแมวลุกขึ้นแล้วพยายามเดินตามเราโดยการเอาตัวถูกรงเดินตามเรา นั่นคือการที่เขาต้องการทักทายเราซึ่งเป็นเจ้าของเขานั่นเอง

           - การแสดงความแข็งแรง เมื่อแมวต่อสู้กัน แมวตัวที่ชนะนั้นจะทำการปล่อยกลิ่นหลายๆ ครั้งในบริเวณนั้น เพื่อเป็นการแสดงอาณาเขต ความมั่นใจ และความแข็งแรงให้คู่ต่อสู้ได้เห็น ส่วนฝ่ายที่แพ้ก็อาจจะแอบมาปล่อยกลิ่นทับบริเวณนั้น โดยจะคอยหลบไม่ให้ตัวที่ชนะเห็น

           - การแสดงอาณาเขต แมวตัวผู้มักจะทำการแสดงอาณาเขตโดยการปล่อยกลิ่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของในบริเวณนั้น โดยที่เขาจะยกหางขึ้นตั้งให้ตรงและแกว่งไปแกว่งมา พร้อมกับปล่อยของเหลวจากต่อมใต้โคนหาง กลิ่นนี้จะคงอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะจางหายไป

2. การทำความสะอาด 

           แมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาด ในแต่ละวันแมวจะใช้เวลาในการทำความสะอาดตนเองมาก ในน้ำลายแมวจะมีสารที่ชื่อว่า "ดีเทอร์เจนต์" สารชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยทำให้ขนของแมวสะอาดและมีกลิ่นหอม โดยในแต่ละวันแมวจะใช้ลิ้นเลียขนของตัวเองเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและขนที่หมดสภาพให้หลุดออกไป และเนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่มีต่อมเหงื่อเฉพาะบริเวณอุ้งเท้าเท่านั้น การเลียขนจึงเป็นการช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายแมวอีกด้วย แมวสามารถใช้สิ้นของเขาเลียได้ทุกส่วนยกเว้นบริเวณหัว แต่เขาสามารถแก้ปัญหาได้โดยการเลียเท้า และใช้เท้าทำความสะอาดส่วนหัวที่ไม่สามารถเลียถึงได้ สำหรับบ้านที่เลี้ยงแมวมากกว่า 1 ตัวขึ้นไปนั้น อาจจะเห็นแมว 2 ตัว ผลัดกันเลียขนของกันและกันในบริเวณที่เอื้อมไม่ถึงความสะอาดของตัวแมวนั้นตามธรรมชาติมีประโยชน์อย่างมากกับการล่าเหยื่อ เพราะแมวจะไม่ติดตามเหยื่อ แต่เขาจะใช้วิธีชุ่มจับ ดังนั้นแมวจึงต้องรักษาความสะอาดของตัวเองเพื่อที่ว่าเหยื่อจะไม่ได้กลิ่นตัวของแมวนั่นเอง




 3. การลับเล็บ 
           แมวส่วนมากมักจะชอบทำลายข้าวของ เช่น ตะกุยเก้าอี้หรือเฟอร์นิเจอร์การกระทำเหล่านี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้เป็นเจ้าของ แม้ว่าเราจะไม่โกรธเขาก็ตาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือพฤติกรรมการลับเล็บของแมว เพื่อทำการขัดเล็บเก่าออกไปให้เล็บใหม่ขึ้นมา สังเกตได้ว่าเราจะพบเศษเล็บของแมวอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์อยู่บ่อยๆ และแมวจะทำการปล่อยกลิ่นจากต่อมเหงื่อที่มีกลิ่นพิเศษ เพื่อให้แมวตัวอื่นรู้ว่าเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้มีเจ้าของ


4. การเคล้าแข้งเคล้าขา

           พฤติกรรมการเคล้าแข้งเคล้าขาคนนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตร แต่บางครั้งยังเป็นการปล่อยกลิ่นมาจากต่อมกลิ่นที่อยู่บริเวณขมับและที่โคนหางให้ติดตามตัวคน หลังจากที่ทำการปล่อยกลิ่นใส่แล้ว จะช่วยทำให้แมวอารมณ์ดี สังเกตได้จากเสียงครางเบา ๆ ในลำคอของแมว


5. การแสดงออกทางใบหน้า

           ใบหน้าของแมวสามารถบ่งบอกอารมณ์ต่าง ๆ ที่แสดงออกมาดังนี้

 หนวด

           1. หากหนวดมีลักษณะไปอยู่ด้านข้างเป็นพุ่ม แสดงถึงความสงบสบายใจและความเป็นมิตร
           
           2. หากหนวดมีลักษณะลาดและรวบไว้ข้างแก้ม แสดงถึงว่าตอนนี้อยู่ในท่าที่ระมัดระวัง หรืออาย

           3. หากหมวดมีลักษณะแผ่ออก แสดงว่ากำลังสนใจอะไรบางอย่างหรือว่ามีสิ่งที่น่าตื่นเต้น

 หู

           หูเป็นส่วนที่สามารถรับรู้ได้ไวมาก

           1. ถ้าหากหูมีลักษณะยกยื่นไปข้างหลังนั้น เป็นการเตือนภัยว่ามีศัตรูอยู่บริเวณนี้

           2. หากหูมีลักษณะโค้งกลับหรือลู่ลงข้างๆ ลำตัว เป็นการแสดงถึงการป้องกันตัวและพร้อมที่จะต่อสู้


  ตา

           1. ม่านตาลดลง แสดงถึงความตึงเครียดหรืออาจจะกำลังสนใจบางสิ่งบางอย่างอยู่

           2. ม่านตาเปิดกว้าง แสดงถึงอาการตกใจกลับ หรือกำลังเตรียมพร้อมป้องกันตัว

           เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับพฤติกรรมของแมวไทยในฉบับนี้เชื่อว่าท่านผู้อ่านหลาย ๆ ท่านก็คงจะเคยพบเจอจากเจ้าเหมียวในครอบครัวกันมาแล้วทุกข้อ จนอาจสงสัยว่าที่กล่าวมานี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมของแมวทั่วไป ไม่ถึงกับจำเพาะว่าต้องเป็นแมวไทย แมวที่ไหนก็มีพฤติกรรมแบบนี้กันทั้งนั้น ความสงสัยของท่านถูกต้องแล้วครับ เพราะแมวเหมียวที่เราเห็นกันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแมวจรตามท้องถนน แมววัด หรือพันธุ์ผสมพันทางในบ้านเรา นั้นมีสายเลือดของแมวไทยผสมอยู่ แต่ถ้าได้ลองเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของแมวต่างประเทศสายพันธุ์แท้นั้นจะแตกต่างกันมากครับ ซึ่งผู้เขียนจะหยิบยกรายละเอียดมากล่าวถึงในโอกาสต่อไป เนื่องจากผู้เขียนได้เตรียมต้นฉบับสำหรับหัวข้อนี้ไว้ยาวพอสมควร จึงจะขอแบ่งเป็นหลาย ๆ ตอน แล้วเล่าไปเรื่อย ๆ ตามลำดับก็แล้วกันนะครับ สำหรับฉบับนี้ต้องขอลากันไปแต่เพียงเท่านี้นะครับ